288 จำนวนผู้เข้าชม |
การทำงานของระบบถุงลมนิรภัยจะคล้ายๆ กัน คือจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการชน และส่งสัญญาณไปยังกล่องควบคุมเพื่อสั่งให้ถุงลมพองตั วอย่างรวดเร็ว หากมีการชนอย่างรุนแรง ที่สำคัญคือต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเพราะจะช่วยรั้งให้เ ราอยู่กับเบาะหากเกิดการชน ทั้งลดการบาดเจ็บได้อย่างมาก สมัยนี้ถุงลมนิรภัยมีอยู่ในหลายจุดหลายรูปแบบ ซึ่งผู้ใช้รถเองอาจไม่ทราบเลยว่ามีถุงลมแบบนี้อยู่ใน รถด้วย
ถุงลมด้านหน้า (Front Airbog) หากมีการชนอย่างรุนแรงเซ็นเซอร์จะจับได้ว่ามีแรงปะทะ เกินค่าที่กำหนดถุงลมจะพองตัวภายในเวลา 0.015-0.030 วินาที ในการชนด้านหน้า เข็มขัดนิรภัยจะดึงร่างกายส่วนล่างและส่วนบน ส่วนถุงลมจะช่วยรองรับหน้าอกและศีรษะ
ถุงลมด้านข้าง (Side Airbog) จะมีเซ็นเซอร์ลักษณะเดียวกับด้านหน้า การติดตั้งอาจมีอยู่ที่แผงประตูหรือที่ตัวเบาะนั่งก็ ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต
ม่านถุงลม (Curtain Airbog) หากเกิดการชนด้านข้างในระดับปานกลางถึงรุนแรง ถุงลมแบบม่านจะพองตัวลงมา พร้อมการดึงกลับของเข็มขัดนิรภัย
ถุงลมป้องกันเข่าและขา (Knee Airbog) จะซ่อนอยู่ใต้คอนโซลด้านผู้ขับขี่ บริเวณหัวเข่า ใช้ตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกระแทกเดียวกับถุงลมนิรภัย ด้านหน้า ถุงลมประเภทนี้จะช่วยป้องกันขา หัวเข่า เข้าชนคอนโซล ด้านล่างใต้พวงมาลัย รวมทั้งสะโพกและต้นเข่า
ถุงลมที่พื้นใต้เท้า (Carpet Airbog) ถุงลมชนิดนี้จะช่วยดูดซับแรงที่เท้าจะไปกระแทกกับพื้นและผนังกั้นระหว่างห้องโดยสารและห้องเครื่อง โดยใช้เซ็นเซอร์เดียวกับถุงลมนิรภัยด้านหน้า (ยังไม่ใช้กันนัก) ที่สำคัญต้องไม่ประมาท เพราะถุงลมนิรภัยเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุเท่านั้น
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง http://www.hondaloverclub.com/forums/showthread.php?t=7666